โคเอ็นไซม์ คิวเท็น
โคเอ็นไซม์ คิวเท็น คืออะไร?
- มีลักษณะคล้ายวิตามินอีและวิตามินเค ละลายได้ในไขมัน พบในทุกเซลล์ของร่างกาย ส่วนใหญ่พบมากในเซลล์ หัวใจ,ตับ,ไต,ตับอ่อน แสดงให้เห็นว่าเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับอวัยวะที่สำคัญ
โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ช่วยเพิ่มหรือขับออกซิเจนให้กับเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ เพื่อสร้างเป็นพลังงาน
ในเซลล์ต่างๆของร่างกาย จะพบว่ามี "ไมโตคอนเดรีย" เป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย "ไมโตคอนเดรีย" มีหน้าที่สร้างพลังงานให้กับเซลล์ และในผนังของไมโตคอนเดรียนั่นเองจะพบว่ามี โคเอ็นไซม์ คิวเท็น เป็นส่วนประกอบ
ถ้าอวัยวะใดเป็นอวัยวะที่ต้องการพลังงานมาก เช่น หัวใจ ในเซลล์หัวใจก็จะมี ไมโตคอนเดรีย จำนวนมากเช่นกัน และ ก็ต้องการ โคเอ็นไซม์ คิวเท็น จำนวนมากเช่นกัน
นอกจาก โคเอ็นไซม์ คิวเท็น จะช่วยในการสร้างพลังงานแล้ว ยังเป็นสารที่ช่วยเหลือการทำงานของเอ็นไซม์ในร่างกายหลายชนิดอีกด้วย
คำว่า Co(โค) ย่อมาจาก Co-ordinate แปลว่า ทำงานร่วมกันหรือผู้ช่วย ฉะนั้น คำว่า Co enzyme จึงแปลว่า "ผู้ช่วยการทำงานของเอ็นไซม์"
โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ยังมีหน้าที่ๆสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดออกซิเดชั่นไขมัน LDL จึงสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดการตีบตันของหลอดเลือด
ปกติร่างกายสามารถสร้าง โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ได้จากกระบวนการเดียวกับการสังเคราะห์ไขมันคอเลสเตอรอลที่ตับ / ระดับโคเอ็นไซม์ คิวเท็นในเนื้อเยื่อ จะมากที่สุดตอนอายุ 20 ปี หลังจากนั้นเมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถในการสร้าง โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ก็จะลดลง ทำให้ร่างกายขาด โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เป็นโรคหัวใจ มักพบว่าในร่างกายมี โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ต่ำมาก
> มีรายงานทางการแพทย์ระบุว่า มีหลายโรคที่เกิดจากภาวะขาดโคเอ็นไซม์ คิวเท็น หรือ มีโคเอ็นไซม์ คิวเท็นที่ลดลง เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลวจากเลือดคั่ง / อาการปวดเค้นหน้าอก / กล้ามเนื้อหัวใจตาย / ความดันโลหิตสูง / พาร์คินสัน / โรคหืด
นอกจากนี้ โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ยังออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานของเซลล์ จึงช่วยปกป้องเซลล์ไม่ให้เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว เช่น ช่วงปกป้องเซลล์ผิวพรรณ ไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว เป็นต้น
แหล่งของ โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ในอาหารได้แก่ เนื้อสัตว์ ปลาซาร์ดีน ถั่วเปลือกแข็ง น้ำมันพืช ซึ่งก็จะอุดมไปด้วยไขมัน หากรับประทานอาหารเหล่านี้มากเกินไปก็อาจได้รับไขมันส่วนเกินด้วยเช่นกัน / การเสริม โคเอ็นไซม์ คิวเท็น จึงเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่น่าสนใจ
มีการตีพิมพ์รายงานวิจัยทางการแพทย์อเมริกา ระบุว่า การเสริมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโคเอ็นไซม์ คิวเท็น เพิ่มการส่งเลือดออกจากหัวใจ ได้มากกว่า 15% และเพิ่มระยะเวลาการออกกำลังกายได้ 25%
มีรายงานทางการแพทย์ ระบุว่าการเสริมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโคเอ็นไซม์ คิวเท็น สามารถลดอาการปวดเค้นหน้าอก ได้อย่างมีนัยสำคัญ
'โคเอนไซม์ คิวเทน'ไม่ใช่แค่การบำรุงผิว
โคเอนไซม์ คิวเทน หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ยูบิควิโนน เรามักรู้จักกันในส่วนผสมของเครื่องสำอางเพื่อถนอมผิวพรรณ ลดริ้วรอยหรือชะลอความเสื่อมของเซลล์แต่ในทางการแพทย์แล้ว พบว่า โคเอนไซม์ คิวเทน เป็นสารที่มีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของเราอย่างมาก
พบได้ในทุกเซลล์ของร่างกายที่มีชีวิต ทำหน้าที่ในการผลิตพลังงานพื้นฐาน
ของเซลล์โดยเฉพาะในอวัยวะที่ต้องการพลังงานสูง เช่น หัวใจ สมอง ตับ ไต กล้ามเนื้อ และยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายอีกด้วย
ผลการศึกษาทางการแพทย์ถึงประโยชน์ของโคเอนไซม์ คิวเทน ประโยชน์ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานดีขึ้น อาการของโรคหัวใจดีขึ้น ความดันโลหิตในผู้ที่มีความดันโลหิตสูงลดลง
ประโยชน์ต่อสมอง จากการศึกษาพบว่า ระดับ โคเอนไซม์ คิวเทน ในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน มีปริมาณ โคเอนไซม์ คิวเทน ในสมองลดลง เมื่อให้ โคเอนไซม์ คิวเทน ในสมองลดลง เมื่อให้ โคเอนไซม์ คิวเทน แล้ว ช่วยให้อาการต่างๆ ดีขึ้น
ประโยชน์ในการลดผลข้างเคียงของยาลดไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดกลุ่มสแตติน จากการวิจัยพบว่า ยาลดไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดกลุ่มดังกล่าว ทำให้ปริมาณโคเอนไซม์ โคเอนไซม์ คิวเทนในร่างกายลดลง นำไปสู่อาการกล้ามเนื้อแขน ขาอ่อนแรง ปวดกล้ามเนื้อ หากขาดรุนแรงจะมีผลกระทบทำให้หัวใจ
และตับทำงานผิดปกติ ซึ่งผลดังกล่าวจะพบมากขึ้นในผู้สูงอายุ ผู้ที่ใช้ยาปริมาณสูง ผู้ที่ใช้ยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัวอื่นๆ อยูก่อน
ประโยชน์ด้านอื่นของโคเอนไซม์ คิวเทน
นอกจากประโยชน์ที่กล่าวมานั้น โคเอนไซม์ คิวเทน ยังชะลอความเสื่อมของร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น นักกีฬาออกกำลังกายได้นานขึ้น ลดอาการเหนื่อย อ่อนเพลียเรื้อรัง ลดภาวะเหงือกอักเสบ ป้องกันอันตรายที่เกิดจากรังสียูวี และชะลอการเกิดริ้วรอยของผิวเราได้อีกด้วย
แอล-คาร์นิทีน คืออะไร?
- ร่างกายของคนเราสังเคราะห์ แอล-คาร์นิทีน ได้เองจากกรดอะมิโนจำเป็น 2 ชนิด คือ แอล-ไลซีน และ แอล-เมไธโอนีน โดยเฉลี่ยมีประมาณ 20-25 กรัมในร่างกาย ซึ่งในจำนวนนี้ 98% พบใน "กล้ามเนื้อลาย" และ "กล้ามเนื้อหัวใจ" แสดงให้เห็นว่า แอล-คาร์นิทีน มีความสำคัญมากต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ
-
แหล่งของ แอล-คาร์นิทีน จากอาหาร ได้แก่
- เนื้อสัตว์ ปลา น้ำนม เนย ไข่ ส่วนพืช,ผัก จะมี แอล-คาร์นิทีน อยู่จำนวนน้อย ยกเว้น แอสพารากัส(หน่อไม่ฝรั่ง), อะโวคาโด และ เนยถั่ว ซึ่งมีค่อนข้างมากกว่าพืชอื่นๆ
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการขาด แอล-คาร์นิทีน ได้แก่
- ผู้สูงอายุ, ผู้ที่เป็น โรคไต โรคตับ, ผู้ที่ทานเจ,มังสวิรัติแบบเคร่งครัด, ผู้ที่ขาดโปรตีน, ผู้ที่ขาดวิตามินและเกลือแร่ เป็นต้น
-
บทบาทของ แอล-คาร์นิทีน
- แอล-คาร์นิทีน ทำหน้าที่ "ขนส่งไขมัน" จากอาหารเข้าไปในไมโตคอนเดรีย เพื่อเผาผลาญและเปลี่ยนเป็นพลังงานออกมาและยังช่วยในการ "ขับของเสีย" จากการเผาผลาญให้ออกจากไมโตคอนเดรีย ทำให้เกิดการเผาผลาญในไมโตคอนเดรียที่สมบูรณ์
- ถ้าจะเปรียบเทียบแล้ว แอล-คาร์นิทีน เป็นตัวนำพาเชื้อเพลง(กรดไขมัน) เข้าสู่โรงงาน(ไมโตคอนเดรีย) จากนั้น โคเอ็นไซม์ คิวเท็น จะเป็นตัวช่วยในการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของกรดไขมันเพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังงาน (ATP) แก่ร่างกาย หากขาดตัวใดตัวหนึ่งก็อาจทำให้กระบวนการเผาผลาญไขมันไปเป็นพลังงานไม่สมบูรณ์
ทอรีน คืออะไร?
- ทอรีน คือ กรดอะมิโนชนิดหนึ่ง เป็นกรดอะมิโนไม่จำเป็น สังเคราะห์เองได้ในร่างกายจากกรดอะมิโนจำเป็น เมไธโอนีน และ กรดอะมิโนซีสเทอีน
บทบาทของ ทอรีน
- ทอรีน ช่วยสนับสนุนการดูดซึมวิตามินกลุ่มละลายในไขมันเข้าสู่ร่างกาย โดยทอรีนจะไปจับกับน้ำดี และ เป็นส่วนหนึ่งของน้ำดี ซึ่งช่วยในการดูดซึมไขมันและวิตามินที่ละลายในไขมันจากระบบทางเดินอาหาร
- ทอรีน ช่วยควบคุมการส่งผ่านอิออนและสารต่างๆ ในเยื้อหุ้มเซลล์,เนื้อเยื้อต่างๆ โดยเฉพาะหัวใจและกล้ามเนื้อลาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหดตัวของกล้ามเนื้อ
- ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ
- ช่วยลดการสะสมของเกล็ดเลือด ลดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
- ช่วยในการทำงานของเรตินา(จอประสาทตา)ให้เป็นปกติ
- ช่วยในการคงรูปของเยื้อหุ้มเซลล์
- ช่วยควบคุมปริมาณน้ำในเซลล์
- ช่วยควบคุมการส่งผ่านแคลเซียมอิออนในเยื้อหุ้มเซลล์ (ส่งผลให้การหดตัวของกล้ามเนื้อเป็นปกติ)
- มีลักษณะคล้ายวิตามินอีและวิตามินเค ละลายได้ในไขมัน พบในทุกเซลล์ของร่างกาย ส่วนใหญ่พบมากในเซลล์ หัวใจ,ตับ,ไต,ตับอ่อน แสดงให้เห็นว่าเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับอวัยวะที่สำคัญ
ในเซลล์ต่างๆของร่างกาย จะพบว่ามี "ไมโตคอนเดรีย" เป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย "ไมโตคอนเดรีย" มีหน้าที่สร้างพลังงานให้กับเซลล์ และในผนังของไมโตคอนเดรียนั่นเองจะพบว่ามี โคเอ็นไซม์ คิวเท็น เป็นส่วนประกอบ
ถ้าอวัยวะใดเป็นอวัยวะที่ต้องการพลังงานมาก เช่น หัวใจ ในเซลล์หัวใจก็จะมี ไมโตคอนเดรีย จำนวนมากเช่นกัน และ ก็ต้องการ โคเอ็นไซม์ คิวเท็น จำนวนมากเช่นกัน
นอกจาก โคเอ็นไซม์ คิวเท็น จะช่วยในการสร้างพลังงานแล้ว ยังเป็นสารที่ช่วยเหลือการทำงานของเอ็นไซม์ในร่างกายหลายชนิดอีกด้วย
โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ยังมีหน้าที่ๆสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดออกซิเดชั่นไขมัน LDL จึงสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดการตีบตันของหลอดเลือด
ปกติร่างกายสามารถสร้าง โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ได้จากกระบวนการเดียวกับการสังเคราะห์ไขมันคอเลสเตอรอลที่ตับ / ระดับโคเอ็นไซม์ คิวเท็นในเนื้อเยื่อ จะมากที่สุดตอนอายุ 20 ปี หลังจากนั้นเมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถในการสร้าง โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ก็จะลดลง ทำให้ร่างกายขาด โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เป็นโรคหัวใจ มักพบว่าในร่างกายมี โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ต่ำมาก
> มีรายงานทางการแพทย์ระบุว่า มีหลายโรคที่เกิดจากภาวะขาดโคเอ็นไซม์ คิวเท็น หรือ มีโคเอ็นไซม์ คิวเท็นที่ลดลง เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลวจากเลือดคั่ง / อาการปวดเค้นหน้าอก / กล้ามเนื้อหัวใจตาย / ความดันโลหิตสูง / พาร์คินสัน / โรคหืด
นอกจากนี้ โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ยังออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากการเผาผลาญพลังงานของเซลล์ จึงช่วยปกป้องเซลล์ไม่ให้เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว เช่น ช่วงปกป้องเซลล์ผิวพรรณ ไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว เป็นต้น
มีการตีพิมพ์รายงานวิจัยทางการแพทย์อเมริกา ระบุว่า การเสริมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโคเอ็นไซม์ คิวเท็น เพิ่มการส่งเลือดออกจากหัวใจ ได้มากกว่า 15% และเพิ่มระยะเวลาการออกกำลังกายได้ 25%
มีรายงานทางการแพทย์ ระบุว่าการเสริมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโคเอ็นไซม์ คิวเท็น สามารถลดอาการปวดเค้นหน้าอก ได้อย่างมีนัยสำคัญ
'โคเอนไซม์ คิวเทน'ไม่ใช่แค่การบำรุงผิว
โคเอนไซม์ คิวเทน หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ยูบิควิโนน เรามักรู้จักกันในส่วนผสมของเครื่องสำอางเพื่อถนอมผิวพรรณ ลดริ้วรอยหรือชะลอความเสื่อมของเซลล์แต่ในทางการแพทย์แล้ว พบว่า โคเอนไซม์ คิวเทน เป็นสารที่มีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของเราอย่างมาก
พบได้ในทุกเซลล์ของร่างกายที่มีชีวิต ทำหน้าที่ในการผลิตพลังงานพื้นฐาน
ของเซลล์โดยเฉพาะในอวัยวะที่ต้องการพลังงานสูง เช่น หัวใจ สมอง ตับ ไต กล้ามเนื้อ และยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายอีกด้วย
ประโยชน์ต่อสมอง จากการศึกษาพบว่า ระดับ โคเอนไซม์ คิวเทน ในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน มีปริมาณ โคเอนไซม์ คิวเทน ในสมองลดลง เมื่อให้ โคเอนไซม์ คิวเทน ในสมองลดลง เมื่อให้ โคเอนไซม์ คิวเทน แล้ว ช่วยให้อาการต่างๆ ดีขึ้น
ประโยชน์ในการลดผลข้างเคียงของยาลดไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดกลุ่มสแตติน จากการวิจัยพบว่า ยาลดไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดกลุ่มดังกล่าว ทำให้ปริมาณโคเอนไซม์ โคเอนไซม์ คิวเทนในร่างกายลดลง นำไปสู่อาการกล้ามเนื้อแขน ขาอ่อนแรง ปวดกล้ามเนื้อ หากขาดรุนแรงจะมีผลกระทบทำให้หัวใจ
และตับทำงานผิดปกติ ซึ่งผลดังกล่าวจะพบมากขึ้นในผู้สูงอายุ ผู้ที่ใช้ยาปริมาณสูง ผู้ที่ใช้ยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัวอื่นๆ อยูก่อน
ประโยชน์ด้านอื่นของโคเอนไซม์ คิวเทน
นอกจากประโยชน์ที่กล่าวมานั้น โคเอนไซม์ คิวเทน ยังชะลอความเสื่อมของร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น นักกีฬาออกกำลังกายได้นานขึ้น ลดอาการเหนื่อย อ่อนเพลียเรื้อรัง ลดภาวะเหงือกอักเสบ ป้องกันอันตรายที่เกิดจากรังสียูวี และชะลอการเกิดริ้วรอยของผิวเราได้อีกด้วย
- ร่างกายของคนเราสังเคราะห์ แอล-คาร์นิทีน ได้เองจากกรดอะมิโนจำเป็น 2 ชนิด คือ แอล-ไลซีน และ แอล-เมไธโอนีน โดยเฉลี่ยมีประมาณ 20-25 กรัมในร่างกาย ซึ่งในจำนวนนี้ 98% พบใน "กล้ามเนื้อลาย" และ "กล้ามเนื้อหัวใจ" แสดงให้เห็นว่า แอล-คาร์นิทีน มีความสำคัญมากต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ
-
แหล่งของ แอล-คาร์นิทีน จากอาหาร ได้แก่
- เนื้อสัตว์ ปลา น้ำนม เนย ไข่ ส่วนพืช,ผัก จะมี แอล-คาร์นิทีน อยู่จำนวนน้อย ยกเว้น แอสพารากัส(หน่อไม่ฝรั่ง), อะโวคาโด และ เนยถั่ว ซึ่งมีค่อนข้างมากกว่าพืชอื่นๆ
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการขาด แอล-คาร์นิทีน ได้แก่
- ผู้สูงอายุ, ผู้ที่เป็น โรคไต โรคตับ, ผู้ที่ทานเจ,มังสวิรัติแบบเคร่งครัด, ผู้ที่ขาดโปรตีน, ผู้ที่ขาดวิตามินและเกลือแร่ เป็นต้น
-
บทบาทของ แอล-คาร์นิทีน
- แอล-คาร์นิทีน ทำหน้าที่ "ขนส่งไขมัน" จากอาหารเข้าไปในไมโตคอนเดรีย เพื่อเผาผลาญและเปลี่ยนเป็นพลังงานออกมาและยังช่วยในการ "ขับของเสีย" จากการเผาผลาญให้ออกจากไมโตคอนเดรีย ทำให้เกิดการเผาผลาญในไมโตคอนเดรียที่สมบูรณ์
- ถ้าจะเปรียบเทียบแล้ว แอล-คาร์นิทีน เป็นตัวนำพาเชื้อเพลง(กรดไขมัน) เข้าสู่โรงงาน(ไมโตคอนเดรีย) จากนั้น โคเอ็นไซม์ คิวเท็น จะเป็นตัวช่วยในการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของกรดไขมันเพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังงาน (ATP) แก่ร่างกาย หากขาดตัวใดตัวหนึ่งก็อาจทำให้กระบวนการเผาผลาญไขมันไปเป็นพลังงานไม่สมบูรณ์
ทอรีน คืออะไร?
- ทอรีน คือ กรดอะมิโนชนิดหนึ่ง เป็นกรดอะมิโนไม่จำเป็น สังเคราะห์เองได้ในร่างกายจากกรดอะมิโนจำเป็น เมไธโอนีน และ กรดอะมิโนซีสเทอีน
บทบาทของ ทอรีน
- ทอรีน ช่วยสนับสนุนการดูดซึมวิตามินกลุ่มละลายในไขมันเข้าสู่ร่างกาย โดยทอรีนจะไปจับกับน้ำดี และ เป็นส่วนหนึ่งของน้ำดี ซึ่งช่วยในการดูดซึมไขมันและวิตามินที่ละลายในไขมันจากระบบทางเดินอาหาร
- ทอรีน ช่วยควบคุมการส่งผ่านอิออนและสารต่างๆ ในเยื้อหุ้มเซลล์,เนื้อเยื้อต่างๆ โดยเฉพาะหัวใจและกล้ามเนื้อลาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหดตัวของกล้ามเนื้อ
- ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ
- ช่วยลดการสะสมของเกล็ดเลือด ลดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
- ช่วยในการทำงานของเรตินา(จอประสาทตา)ให้เป็นปกติ
- ช่วยในการคงรูปของเยื้อหุ้มเซลล์
- ช่วยควบคุมปริมาณน้ำในเซลล์
- ช่วยควบคุมการส่งผ่านแคลเซียมอิออนในเยื้อหุ้มเซลล์ (ส่งผลให้การหดตัวของกล้ามเนื้อเป็นปกติ)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น