บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มีนาคม, 2018

อยู่อย่างไรให้พ้นภัยข้อเสื่อม

รูปภาพ
แม้อาการของโรคข้อเสื่อมจะเป็นผลมาจากวัยและการใช้งาน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางหลีกเลี่ยงเสียทีเดียว Better Health ฉบับนี้มีข้อแนะนำหลายประการที่จะช่วยให้คุณเคลื่อนไหวได้อย่างไร้กังวลแม้อายุจะเพิ่มมากขึ้น ข้อเสื่อม เป็นอาการที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนที่ฉาบผิวกระดูกข้อต่อไว้ไม่ให้มีการเสียดสีกันเมื่อเคลื่อนไหว ซึ่งเมื่อเราเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการลุก นั่ง ยืน หรือเดิน ข้อต่อจะทำงานสอดประสานกันอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อกระดูกอ่อนผุพังหรือบางลง กระดูกข้อต่อก็จะเสียดสีกันจนเป็นผลให้เกิดการอักเสบ ซึ่งผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บปวดบริเวณข้อต่อจนไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ตามปกติ และส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก อย่างไรก็ตาม จากคำแนะนำของ นพ. สิทธิพร อรพินท์ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระดูกและข้อ ทำให้เราพบว่า การหลีกเลี่ยงอาการปวดข้อนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย หากคุณดูแลร่างกายเป็นอย่างดี และนี่คือ 4 วิธี ที่จะช่วยให้คุณห่างไกลจากโรคข้อเสื่อม 1. ควบคุมน้ำหนัก หนึ่งในสาเหตุใหญ่ของอาการข้อเสื่อมก็คือ การที่มีน้ำหนักตัวเกิน หรืออ้วน เพราะยิ่งน้ำหนักตัว มากเท่าไร ข้อต่าง ๆ

ดื่มน้ำน้อยเกินไป... ทำสุขภาพพัง

รูปภาพ
 การดื่มน้ำน้อยไม่เพียงทำให้ร่างกายขาดน้ำและรู้สึกอ่อนเพลียไม่สดชื่นเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียร้ายแรงต่อสุขภาพของคุณอีกด้วยเราจึงมี 5 โรคร้ายที่มาจากการดื่มน้ำน้อย มานำเสนอ เพื่อให้คุณรีบหันมาใส่ใจสุขภาพและดูแลตัวเองก่อนโรคร้ายจะถามหา 1. สมองเสื่อม การดื่มน้ำน้อย อาจส่งผลเสียจนเสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองเสื่อมได้ เพราะเมื่อร่างกายของเราขาดน้ำ ปริมาณของน้ำในร่างกายไม่เพียงพอในการเป็นส่วนหนึ่งของเลือดที่สูบฉีดไปทั่วร่างกาย เลือดมีความข้นหนืดมากขึ้นทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอ จึงเป็นสาเหตุของอาการสมองเสื่อมได้นั่นเอง เพราะฉะนั้นหากคุณรู้สึกไม่สดชื่น เนือยๆ คิดอะไรช้า ไม่กระฉับกระเฉง นั่นอาจเป็นผลมาจากการดื่มน้ำน้อยเกินไปได้ 2. ริดสีดวงทวาร การดื่มน้ำไม่เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ อาจส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ยากลำบากมากขึ้น และอาจทำให้คุณไม่สามารถขับอุจจาระออกมาได้ เพราะอุจจาระอาจแห้งเกินไป เมื่อของเสียสะสมอยู่ในลำไส้ ลำไส้ก็จะดูดซึมของเสียนั้นกลับเข้าร่างกายไปอีก ยิ่งทำให้เลือดมีของเสียและข้นหนืดกว่าเดิม อุจจาระก็แข็งแห้งกว่าเดิม จนเกิดเป็นอาการท้องผูก เมื่อ

ไฟโตนืวเทรียนต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ

รูปภาพ
ไฟโตนืวเทรียนแหล่งต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ โดยปกติร่างกายจะสร้างสารอนุมูลอิสระขึ้นระหว่างกระบวนการเผาผลาญอาหารตามธรรมชาติ หรือในขณะที่เกิดเจ็บป่วย มีการติดเชื้อต่างๆ การสูบบุหรี่ หรือการเผชิญกับภาวะความเครียด ฯลฯ สารอนุมูลอิสระ หรือที่เรียกว่า Free Radicals จะส่งผลเสียต่อสุขภาพเมื่อทำปฏิกิริยากับดีเอ็นเอ (DNA) โปรตีนคาร์โบไฮเดรตและไขมันที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในร่างกาย ส่งผลทำให้อวัยวะนั้นๆ ทำงานผิดปกติ เมื่อมีอนุมูลอิสระสะสมและเกิดขึ้นเป็นเวลานานก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดแดงตีบแข็ง โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) โรคสมองเสื่อม (Dementia) โรคไขข้ออักเสบ (Arthritis) เป็นต้น ดังนั้นการได้รับสารอาหารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว ไฟโตนิวเทรียนสารที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพ มีคุณสมบัติในการต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระภายในร่างกาย เราพบไฟโตนิวเทรียนท์ได้เฉพาะในพืชผักและผลไม้เท่านั้น และ ยังเป็นสารที่ทำให้ผักและผลไม้มีสี รสชาติและกลิ่นเฉพาะตัว จากผลการวิจัยหลายชิ้นพบว่า ไฟโตนิวเทรียนท์มีบทบาทสำคัญ ต่อการทำงานของร่างกายเป็นอย่างม

โรคพร่องเอนไซม์ G6PD

รูปภาพ
"โรคพร่องเอนไซม์ G6PD" G6PD เกิดจากภาวะที่พร่องเอนไซม์ G6PD ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในขบวนการสร้างพลังงานของน้ำตาลกลูโคส ดังนั้นเอนไซม์ G6PD จึงเป็นเอนไซม์ที่ช่วยป้องกัน เม็ดเลือดแดงจากการทำลายของสารอนุมูลอิสระ G6PD เกิดจากภาวะที่พร่องเอนไซม์ G6PD (glucose-6-phosphate dehydrogenase) ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในขบวนการสร้างพลังงานของน้ำตาลกลูโคส (pentose phosphate pathway) ที่จะเปลี่ยน NADP ไปเป็น NADPH ซึ่งจะไปทำปฏิกิริยากับเอนไซม์ Glutathione reductase และ Glutathione peroxidase ต่อไป ส่งผลให้เกิดการทำลายสารอนุมูลอิสระ (oxidants) ต่าง ๆ เช่น H2O2 ที่เป็นพิษต่อเซลล์ในร่างกายโดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดแดง ดังนั้นเอนไซม์ G6PD จึงเป็นเอนไซม์ที่ช่วยป้องกัน เม็ดเลือดแดงจากการทำลายของสารอนุมูลอิสระ (oxidants) คนที่เกิดภาวะพร่องเอนไซม์ชนิดนี้แล้วจะทำให้เกิดอาการเม็ดเลือดแดงแตก (hemolysis) ได้ง่าย สาเหตุของการพร่องเอนไซม์ G6PD เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรมของโครโมโซมเพศชนิดโครโม โซมเอ็กซ์ มีการถ่ายทอดยีน G6PD เป็นแบบ X-linked recessive จากมารดาโดยมีโอกาสที่ลูกชายจะเป็นโรคร้อยละ 50 ลูกสา

รักษามะเร็งด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้ ต้องมีร่างกายที่พร้อมจะต่อสู้ ควบคู่กันไป

รูปภาพ
อาหารที่ดีต่อการรักษามะเร็ง      เมื่อท่านทราบว่าเป็นโรคมะเร็ง หลายท่านจะกังวลกับการรักษา และผลข้างเคียงจากการรักษา จริงๆ แล้วหากได้รับข้อมูลทางโภชนาการที่ถูกต้อง ก็จะสามารถช่วยให้ผลข้างเคียงบรรเทาลงได้ ช่วยให้สุขภาพไม่ทรุดลงไปมากกว่าที่ควร ที่สำคัญบทความนี้เป็นบทความที่ตั้งใจให้ข้อมูลทางโภชนาการที่มีผลงานวิจัยทางการแพทย์ยืนยัน และมีการใช้จริงในโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ที่กำลังรักษาโรคมะเร็งได้มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ดูแลรักษาสุขภาพตัวเองด้วยอาหารที่ถูกต้อง 1. เข้าใจการรักษา 3 วิธี 2. ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น 3. วิธีดูแลอาหารเพื่อลดผลข้างเคียงสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง 4. อาหารเสริมที่ส่งผลดีกับการรักษามะเร็ง มีใช้จริงโดยแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ เพราะใจที่ไม่ยอมแพ้ ต้องมีร่างกายที่พร้อมจะต่อสู้ ควบคู่กันไป      มะเร็งแต่ละบริเวณของร่างกาย มีวิธีรักษาที่แตกต่างกัน แพทย์จะเป็นผู้ที่ตัดสินใจว่าจะรักษาแบบไหน ซึ่งแต่ละวิธีนั้น จะมีผลข้างเคียงจากการรักษาที่แตกต่างกันดังนี้ 1. เคมีบำบัด (Chemotherapy) คือ การรักษาด้วยยาเพื่อควบคุมหรือทำลายเซลล์มะเร็ง โดยการออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญ

โรคไขมันพอกตับ

รูปภาพ
ไขมันพอกตับ โรคไขมันพอกตับ คือ การมีไขมันไปสะสมอยู่ในเซลล์ตับ ปกติอาหารไขมันที่ร่างกายได้รับจะถูกเผาผลาญที่ตับและเนื้อเยื่อต่างๆ แต่เมื่อร่างกายได้รับไขมันเกินความต้องการ ไขมันส่วนเกินจะถูกสะสมในรูปเนื้อเยื่อไขมัน เนื้อเยื่อไขมันจะค่อยๆสะสมในตับของบุคคลที่รับประทานอาหารซึ่งมีไขมันในปริมาณที่มากเกินกว่าร่างกายจะจัดการได้ อีกสาเหตุของการมีไขมันสะสมในตับ คือ การที่ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนไขมันให้อยู่ในรูปที่ถูกกำจัดออกได้ เมื่อตับมีไขมันสะสมอยู่มากกว่า 5% บุคคลนั้นจะเป็นโรคไขมันพอกตับ ซึ่งโดยปกติผู้ป่วยจะไม่มีอาการ แต่บางรายอาจรู้สึกไม่สบายบริเวณใต้ชายโครงขวา อ่อนเพลีย นั่นคือโรคนี้ค่อยๆ พัฒนาขึ้น และตับที่มีไขมันสะสมอยู่จะง่ายต่อการเกิดความเสียหาย ซึ่งเป็นผลจากการอักเสบและเกิดแผลเป็นในเนื้อตับ โรคไขมันพอกตับ แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ โรคไขมันพอกตับที่มีสาเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ (Alcoholic fatty liver disease , AFLD) และ โรคไขมันพอกตับที่มิได้มีสาเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic fatty liver disease, NAFLD) สำหรับโรคไขมันพอกตับที่มีสาเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ ทราบได้จากประวัติของการดื่

อาหารคลีน VS อาหารออร์แกนิก

รูปภาพ
แนวคิดที่จะมาช่วยปรับชีวิตที่มีให้กรีนได้ง่ายขึ้น       หลากหลายเทรนด์อาหารสุขภาพ ที่ทำเอาคนรักสุขภาพทั้งหลายพากันเวียนหัว เพราะไม่รู้จะเลือกกินแบบไหนถึงดีที่สุด หรืออาจสงสัยว่าอะไรคือความเหมือนและความต่างของอาหารคลีนกับอาหารออร์แกนิก เราลองมาทำความรู้จักกับอาหารสุขภาพทั้งสองแบบกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยตอบตัวเองว่าคุณจะเลือกกินแบบไหน อาหารคลีน นับเป็นเทรนด์อาหารสุขภาพที่กำลังมาแรง มีคอนเซ็ปต์ง่ายๆ คือต้องเป็นอาหารที่สดใหม่ สะอาด ปรุงแต่งน้อยหรือไม่ปรุงเลย ไม่ปนเปื้อนสารเคมีและเชื้อโรค ถูกหลักโภชนาการ มีสารอาหารครบ 5 หมู่ และต้องเป็นอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป หรือการถนอมอาหาร ดังนั้น อาหารคลีน ไม่ใช่อาหารที่เน้นกินผักเยอะๆ แต่เน้นความสด สะอาด ปลอดภัย ไร้สารพิษ และต้องมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายเป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้ อาหารคลีนหรือการกินคลีนที่ดี จำเป็นต้องอาศัยการเอาใจใส่อย่างมาก ตั้งแต่ การคัดเลือกวัตถุดิบ ควรเลือกที่สะอาด สดใหม่อยู่เสมอ และถ้ารู้แหล่งผลิตด้วยยิ่งดี เพราะจะทำให้เรามั่นใจยิ่งขึ้นว่าคลีนจริงไหม การปรุง ไม่ควรใส่เครื่องปรุงรสใดๆ หรือปรุงให้น้อยที่สุด พยายามลิ้มรสความอร่อย

อาหารออร์กนิก (Organic Food)

รูปภาพ
ออร์แกนิค      ออร์แกนิค คือ ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารเคมี ไม่มีการดัดแปลง ไม่ใช่ผลิตผลจากพืชตัดต่อพันธุกรรม (GMOs - genetically modified organisms) หากเป็นปศุสัตว์และสัตว์ปีก จะไม่มีการใช้สารเร่งและยาปฏิชีวนะทั้งสิ้น อีกทั้งระบบการผลิตต้องปลอดภัยต่อดิน น้ำ อากาศ รวมทั้งผู้ผลิตเอง -ผักปลอดภัยจากสารพิษ (ผักปลอดสารพิษ) หมายถึง พืชผักที่มีการจำกัดการใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี และฮอร์โมนในการปลูก ไม่ใช้สารกำจัดแมลง โดยปริมาณสารตกค้างของผลผลิต ต้องไม่เกินมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ -ผักอนามัย หรือผักกางมุ้ง มีการใช้ปุ๋ยเคมีและสารกำจัดแมลง ที่พิษตกค้างในระยะสั้น และหยุดใช้ก่อนระยะเวลาเก็บเกี่ยวที่กำหนด โดยใช้ตาข่ายหรือมุ้งคลุมแปลงเพาะปลูกเพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืช -ผักไร้ดิน หรือผักไฮโดรโพนิกส์ เป็นผลผลิตจากการปลูกแบบไม่ใช้ดิน มีการให้สารอาหารสังเคราะห์จากสารเคมีและฮอร์โมน -ผักไร้สารพิษ คือผักที่ไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทั้งหมด และไม่มีสารพิษตกค้างเมื่อเก็บเกี่ยว แต่การใส่ใจสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ปัจจัยในการผลิต เปรียบเทียบความปลอดภัยจากสารเคมีในผักต่างๆ

อาหารคลีน

รูปภาพ
อาหารคลีน      ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่เริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกิน ดังนั้นจึงมีกระแสการกินอาหารเพื่อสุขภาพเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “อาหารคลีน” ซึ่งเป็นลักษณะการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพรูปแบบหนึ่ง ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากผู้คนในปัจจุบันเป็นจำนวนมาก อาหารคลีน คืออะไร      อาหารคลีน (Clean Food) หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า กินคลีน (Eat Clean, Clean Eating) คือ การทานอาหารที่สด สะอาด โดยเน้นการทานอาหารแบบธรรมชาติไม่ผ่านการปรุงแต่งและขัดสีด้วยสารเคมีต่างๆ หรือกระบวนการหมักดอง รวมถึงอาหารขยะและอาหารสำเร็จรูป ที่จะมีปริมาณแป้ง ผงชูรสและโซเดียมในปริมาณสูง หรืออาจพูดให้เข้าใจได้ง่ายว่า การทานอาหารคลีนนั้นเป็นการกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ โดยทานอาหารอย่างพอเพียงครบสัดส่วนทั้ง 5 หมู่ และอาหารเหล่านั้นต้องไม่มีสารปนเปื้อนนั่นเอง ซึ่งอาหารคลีนนั้นอาจผ่านการปรุงแต่งบ้างเล็กน้อยหรืออาจจะไม่ผ่านการปรุงแต่งเลยก็เป็นได้ เช่นใช้เกลือในการปรุงอาหารรสเพียงเล็กน้อยแทนน้ำปลา หรืออาจจะเป็นซีอิ๊วขาวชนิดที่ไม่มีผงชูรสเจือ

ผิวแห้งแตกในผู้สูงอายุ

รูปภาพ
ดูแลผิวแห้งแตกในผู้สูงอายุ ผิวแห้งแตกสามารถเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง และหากเกิดการดูแลที่ดีอาจก่อให้เกิดแผลขึ้นผิวหนังซึ่งนอกจากจะสร้างความเจ็บปวดเเล้วยังสามารถเกิดการติดเชื้อได้หากขาดการดูแลที่ดี  ดังนั้นหากผิวหนังรู้สึกแห้งแตกและลอกเป็นขุย คุณควรรีบหาวิธีเยียวยารักษาเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแตกและมีอาการผิวหนังแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา สาเหตุของผิวแห้งแตกในผู้สูงอายุ อาการผิวแห้งแตกนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย แต่ปัจัยสำคัญๆ ที่ทำให้ผิวแห้งแตกนั้นเกิดจากสาเหตุต่างๆ ทางด้านล่างนี้ - อากาศที่หนาวเย็นและแห้ง -  การอาบน้ำมีที่อุณหภูมิร้อนเกินไปด้วยสบู่ที่ผสมน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์​ -  การที่ต้องอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน -  แสงแดด -  บุหรี่หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น วิธีดูแลผิวแห้งกร้านในผู้สูงอายุ -  หลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดแรง เพราะแสงแดดคือสาเหตุทำคัญที่ทำให้ผิวแห้งกร้านเพราะจะทำให้น้ำที่หล่อเลี้ยงภายใต้ผิวหนังนั้นระเหยออก ทำให้ความชุ่มชื่นใต้ผิวหนังลดลง ทั้งนี้แสงแดดยังสามารถก่อให้เกิดอาการผิวไหม้แดดซึ่งสามารถทำให้รู้สึกแสบร้อนและทำให้ผิวที่แห้