ดูแลผู้ป่วยที่เป็นตับแข็ง

การดูแลปฏิบัติตนของผู้ป่วยที่เป็นตับแข็ง
ตับ มีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง รวมทั้งการสร้างการทำลาย และเผาผลาญสารต่างๆ ในร่างกายรวมทั้งอาหาร ดังนั้นเมื่อผู้ป่วยมีตับแข็ง ตับจะสูญเสียหรือมีความบกพร่องในการทำงาน จึงมีความจำเป็นที่ผู้ป่วย และญาติจะต้องช่วยดูแลในการปฏิบัติของผู้ป่วยให้เหมาะสม ดังนี้

> อาหารกลุ่มโปรตีน
ผู้ป่วยตับแข็งในระยะที่ตับยังสามารถทำงานได้ดี ควรรับประทานอาหารให้ครบทุกหมวดหมู่ตามหลักโภชนาการ และควรรับประทานอาหารพวกโปรตีนประมาณวันละ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ซึ่งจะประมาณ 60 กรัมต่อวัน แต่..ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นตับแข็งระยะที่การทำงานของตับไม่ปกติแล้ว ซึ่งจะสังเกตุจากอาการทางคลีนิคคือ ผู้ป่วยอาจมีอาการตาเหลืองตัวเหลือง (ดีซ่าน), มีท้องโตขึ้นจากมีน้ำอยู่ในช่องท้อง (ท้องมาน), ขาบวม, มีอาการผิดปกติทางสมองซึมลง การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เป็นต้น ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีภาวะขาดสารอาหารอยู่แล้วด้วย
ดังนั้นอาหารที่ต้องกินแต่ละวันควรมีจำนวนแคลอรี่ต่อวันมากขึ้น และต้องการสารอาหารโปรตีน เป็นวันละ 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม คือประมาณวันละ 80-90 กรัมต่อวัน

ปัญหาที่สำคัญคือผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะกินอาหารโปรตีนมากไม่ได้ เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการทางสมอง (hepatic encephalopathy) จึงแนะนำให้กินมากเท่าที่ทนได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะได้ประมาณ 40 กรัมต่อวัน จึงควรต้องกินอาหารโปรตีนที่ร่างกายสามารถทนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งโปรตีนจากพืชจะเกิดอาการทางสมองน้อยกว่าโปรตีนจากสัตว์ จึงแนะให้รับประทานพวกถั่วเหลืองเสริม

ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นตับแข็งมากแล้ว มักจะไม่สามารถรับประทานโปรตีนได้เท่าที่ควรจะได้รับ ในกรณีนี้สามารถให้อาหารเสริมซึ่งเป็นโปรตีนชนิดกิ่ง (branch chain amino acid) เพราะการศึกษาทางการแพทย์พบว่า ผู้ป่วยสามารถกินโปรตีนชนิดกิ่งได้มากเพียงพอจนทำให้ระดับโปรตีนในเลือดดีขึ้น โดยไม่เกิดอาการทางสมองอย่างไรก็ตามโปรตีนชนิดกิ่ง จะมีรสชาติที่ไม่อร่อย ผู้ป่วยบางรายอาจจะรับประทานไม่ได้ จึงมีความจำเป็นที่แพทย์ต้องอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงเหตุผลและความสำคัญ ปกติผู้ป่วยก็ควรช่วยสนับสนุนและกระตุ้นผู้ป่วยให้รับประทาน อีกปัญหาคือ อาหารโปรตีนชนิดกิ่งมีราคาค่อนข้างแพง

> อาหารกลุ่มวิตามิน 
ผู้ป่วยตับแข็งมักจะขาดวิตามินหลายชนิด ดังนั้นจึงควรรับประทานวิตามินเสริมร่วมด้วย อย่างไรก็ตามไม่ควรรับประทานวิตามินที่ละลายในไขมันเอง เช่น วิตามิน เอ, อี เพราะวิตามินที่ละลายในไขมัน ถ้ารับประทานมากเกินไปจะมีการสะสมที่ตับ และอาจมีผลเสียต่อตับเอง นอกจากนี้ถ้าผู้ป่วยไม่ได้ขาดธาตุเหล็กก็ไม่ควรรับประทานเหล็กเสริมเข้าไป เพราะเหล็กจะทำให้มีการสร้างผังผืดในตับมากขึ้น

> กลุ่มยาและสารเคมีและสมุนไพรต่างๆ
ผู้ป่วยตับแข็งควร "หลีกเลี่ยง" การรับประทานยาที่ไม่จำเป็นรวมทั้งยาสมุนไพร เพราะยาหลายชนิดถูกทำลายที่ตับ และยาหลายชนิดเองก็อาจทำให้เกิดตับอักเสบ ดังนั้นจึงควรใช้ยา เมื่อมีข้อบ่งชี้ และภายใต้การดูแลของแพทย์

> แอลกอฮอล์ 
ผู้ป่วยที่มีตับแข็งควร "หลีกเลี่ยง" การดื่มแอลกอฮอล์ ทุกชนิด เช่น เหล้า,เบียร์.ไวน์ ฯลฯ เพราะอาจทำให้โรคตับแย่ลง นอกจากนี้การดื่มแอลกอฮอล์จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการแตกของเส้นเลือดโป่งพองในหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญสาเหตุหนึ่งในผู้ป่วยโรคตับแข็ง

> การออกกำลังกาย 
ผู้ป่วยตับแข็งที่ตับยังสามารถทำงานได้ดีสามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่หักโหมเกินไป และควรมีการพักผ่อนให้เพียงพอ ในกรณีที่ตับทำงานไม่ปกติแล้วก็ควรออกกำลังกายเบาๆ เช่น วิ่งเหยาะๆ หรือเดินเร็ว ถ้ารู้สึกเพลียก็พัก ที่สำคัญควรต้องระวังการเกิดอุบัติเหตุ เพราะผู้ป่วยตับแข็งอาจมีเกล็ดเลือดต่ำและมีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เลือดออกง่าย หยุดยาก

โรคตับแข็งเป็นโรคเรื้อรังและไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ สิ่งที่ดีที่สุดคือการรู้จักดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ถ้าอยู่ในภาวะโรคนี้แล้ว การใส่ใจและรู้จักกินอาหารให้เหมาะสมและปฏิบัติตนให้ดี ก็จะช่วยชะลอความรุนแรงของโรคได้อย่างดี

ขอแนะนำ
- โปรตีนจากถั่วเหลือง 
แนะนำว่าสามารถทานได้ (ด้านปริมาณโปรตีนต่อวันควรปรึกษาแพทย์เป็นรายๆไป)

- วิตามินซี, วิตามินบี 
เป็นวิตามินกลุ่มละลายในน้ำ ที่ร่างกายต้องการในทุกๆวัน (ปริมาณควรทานตามคำแนะนำข้างฉลาก)

- ไขมัน(ที่ดี) อาทิ กรดไขมันโอเมก้า-3
มีบทบาทในการต้านการอักเสบ, ควบคุมระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด, สนับสนุนการทำงานของระบบประสาทและสมอง

- โคเอ็นไซม์ คิวเท็น *
โดยปกติแล้ว โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ร่างกายสร้างได้โดยถูกสร้างขึ้นที่ตับ มีบทบาทในการสร้างพลังงานให้กับเซลล์ที่ต้องทำหน้าที่หนักๆ เช่น หัวใจ สมอง ตับ ไต เป็นต้น แต่ในขณะที่เจ็บป่วย มักพบว่าระดับ โคเอ็นไซม์ คิวเท็น ในร่างกายมักจะลดลง
-
* ในภาวะที่ตับยังทำงานปกติ หากต้องการเสริมโคเอ็นไซม์ คิวเท็น แนะนำว่าควรสอบถามเภสัชกร (ประจำ) ดูว่าสามารถทานได้หรือไม่ แต่ในกรณีมีภาวะตับอักเสบอย่างรุนแรง แนะนำว่าควรสอบถามแพทย์ที่ดูแลคนไข้ก่อน

- เลซิติน 
เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่ช่วยการทำงานของตับในการสร้างน้ำดี อีกทั้งควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยลดการสะสมไขมันในตับ

- กรณีสารอาหารหรือผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ แนะนำว่า ควรสอบถามแพทย์ หรือเภสัชกร(ประจำ)ก่อน อาทิ วิตามิน(รวม) เกลือแร่(รวม) ไฟโตนิวเทรียนท์ ,ผักผลไม้รวมฯ, โสมไซบีเรีย, ใบแปะก๊วย(กิงโก) ฯลฯ เนื่องจากมีส่วนประกอบของสมุนไพรรวมอยู่ด้วย ซึ่งผู้เป็นโรคตับควรระมัดระวัง
-
หมายเหตุ : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ใช่ยารักษาโรค จึงไม่สามารถอ้างอิงได้ว่านำมาใช้ในการ บำบัด บรรเทา ป้องกัน หรือ รักษาโรค

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิด

การดูแลต่อมไทรอยด์

รักษามะเร็งด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้ ต้องมีร่างกายที่พร้อมจะต่อสู้ ควบคู่กันไป