อาหารสำหรับคนท้อง
อาหารสำหรับคุณแม่ตอนตั้งครรภ์
อาหารคนท้อง เมื่อตั้งครรภ์บำรุงอย่างไรจึงจะเหมาะสม อาหารบำรุงคนท้องมีความสำคัญอย่างมากต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้นเพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยและสุขภาพที่ดีของคุณแม่
ผู้หญิงช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ แนะนำให้รับประทานอาหารมื้อปกติให้ครบหมู่ ในปริมาณที่เพียงพอและสมดุล
- ร่างกายของหญิงตั้งครรภ์ ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนตั้งครรภ์ วันละ 500 kcal. (อ่านหมายเหตุ 5)
- โดยสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับ ต้องเป็นสารอาหารที่ดี จึงควรทานอาหารให้ครบหมู่ อาทิ
- โปรตีน ควรเป็นโปรตีนที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ เต้าหู้ หรือ โปรตีน(คุณภาพ)จากพืช อาทิ โปรตีนจากถั่วเหลือง ข้าวสาลี ถั่วต่างๆ ฯลฯ ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์นั้น ร่างกายของหญิงตั้งครรภ์ต้องการโปรตีนในปริมาณมากกว่าคนปกติ Thai RDI แนะนำไว้ว่า หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับโปรตีน 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และ เพิ่มไปอีก 25 กรัม ต่อวัน
- คาร์โบไฮเดรต ควรเป็นคาร์โบไฮเดรต(เชิงซ้อน) ที่ให้ดัชนีน้ำตาลต่ำ แต่ให้พลังงานสูง เช่น ข้าวกล้อง หรือ ขนมปังโฮลวีท
- ควรทานผักผลไม้ ที่หวานน้อย(มีน้ำตาลต่ำ) แต่ให้ใยอาหารสูง เพื่อทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ เนื่องจากผู้หญิงที่มีครรภ์มักจะมีปัญหาท้องผูกบ่อยๆ
- ทานไขมันที่ดี เช่น กรดไขมันโอเมก้า-3(DHA) อาทิ น้ำมันจากปลาทะเล
- ทานไขมัน ให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม ได้แก่
กรดไขมันโอเมก้า-6 ต่อ กรดไขมันโอเมก้า-3 ในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 หมายถึง ทานอาหารทอดๆ,เมนูผัด ไม่ให้มากเกินไป และ ควรทานกลุ่มไขมันจากปลาทะเล ซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 ให้มากขึ้น
- กรดไขมันโอเมก้า-6 มักพบใน น้ำมันพืชทั่วๆไป มักพบในเมนูอาหารทอด และ ผัด จึงไม่ควรทานเมนูเหล่านี้ให้มากเกินไป
- กรดไขมันโอเมก้า-3 มักพบในสัตว์ทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ฯลฯ หรือ น้ำมันจากปลาทะเล
- หากต้องการ ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มเติมจากมื้ออาหารปกติ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกร(ประจำช็อป)ด้วย เนื่องจากร่างกายของหญิงขณะตั้งครรภ์แต่ละคนอาจมีความแตกต่างกันในเรื่องภาวะแทรกซ้อน หรือ โรคประจำตัวต่างๆ
สรุป ...
สารอาหารที่จำเป็น สำหรับร่างกายหญิงตั้งครรภ์ได้แก่
> โปรตีน / บทบาท ช่วยเสริมสร้างซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื้อต่างๆของร่างกายแม่และบุตรในครรภ์ ( อ่าน หมายเหตุ 1 และ 3
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย โปรตีน ได้แก่
- เนื้อสัตว์ น้ำนม ไข่ กลุ่มนี้ อาจมีไขมันคอเลสเตอรอล และ ไขมันประเภทอิ่มตัวสูง จึงไม่ควรทานมากเกินไป
- โปรตีนจากถั่วเหลือง โปรตีนจากข้าวสาลี และ ถั่วพี กลุ่มนี้ ไม่มีไขมันคอเลสเตอรอล และ ไม่มีไขมันประเภทอิ่มตัว แนะนำให้ทานหลากหลายเพื่อจะได้กรดอะมิโนที่ครบถ้วน
> วิตามินบี (ต่างๆ) / บทบาทช่วยส่งเสริมระบบการเผาผลาญสารอาหารให้สมบูรณ์ , เสริมสร้างความแข็งแรงให้เม็ดเลือดแดง, ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท, โดยเฉพาะ โฟเลต(วิตามินบี9) จะช่วยป้องกันทารกเกิดความผิดปกติ(ปากแหว่างเพดานโหว่)
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินบี ได้แก่
- เนื้อสัตว์ ไข่แดง กลุ่มนี้ อาจมีไขมันคอเลสเตอรอล และ ไขมันประเภทอิ่มตัวสูง จึงไม่ควรทานมากเกินไป
- ผลิตภัณฑ์จาก ยีสต์สกัด กลุ่มนี้ ไม่มีไขมันคอเลสเตอรอล
> วิตามิน ซี / เพิ่มภูมิต้านทานโรคหวัด,เสริมสร้างคอลลาเจน,ต้านอนุมูลอิสระ
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินซี ได้แก่ พืชผัก(สด) และ ผลไม้ชนิดต่างๆ เช่น อะเซโรลา เชอร์รี่, ฝรั่ง, เสาวรส, สับปะรด, ผลมะม่วงหิมพานต์, ผลซีบัคทอร์น
> ธาตุเหล็ก และ โฟเลต / เสริมสร้างเม็ดเลือดแดง,เสริมสร้างระบบประสาทของทารก ลดความเสี่ยงทารกเกิดความผิดปกติ(ปากแหว่งเพดานโหว่)
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย ธาตุเหล็ก และ โฟเลต ได้แก่
- เนื้อสัตว์,ตับ กลุ่มนี้ อาจมีไขมันคอเลสเตอรอล จึงไม่ควรทานมากเกินไป
- พืชผัก ใบสีเขียวเข้ม เช่น ผักโขม(สปิแนช), ผักตำลึง ฯลฯ กลุ่มนี้ ไม่มีไขมันคอเลสเตอรอล
> แคลเซียม,แมกนีเซียม,วิตามินดี / เสริมสร้างมวลกระดูกและฟัน
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย แคลเซียม ได้แก่ น้ำนม, ปลาตัวเล็กตัวน้อย, ปลากระป๋อง, กะปิ, ผักใบสีเขียวเข้ม เป็นต้น
> กรดไขมันโอเมก้า 3 (DHA จากน้ำมันปลาทะเล) / เสริมสร้างเซลล์สมองและระบบประสาท (อ่าน หมายเหตุ 1 และ 4)
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย กรดไขมันโอเมก้า-3 ได้แก่ ไขมันจากปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า ฯลฯ
> ไฟเบอร์(ใยอาหาร) / ดูแลสุขภาพระบบทางเดินอาหาร,ลดอาการท้องผูก
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย ไฟเบอร์ ได้แก่ พืชผักและผลไม้นานาชนิด
หมายเหตุ :
1) กรณีหญิงตั้งครรภ์มีโรคประจำตัวแฝงอยู่ไม่ว่าโรคใดๆ อาทิ เบาหวาน ฯลฯ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทานผลิตภัณฑ์ใดๆ
2) ทั้งนี้ ควรพิจารณาด้วยว่าร่างกายของหญิงตั้งครรภ์นั้น มีการแพ้สารอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ หากแพ้สารอาหารนั้นๆก็ไม่ควรทาน เช่น หากหญิงตั้งครรภ์ ...
- ผู้ที่แพ้อาหารทะเล ก็ไม่ควรทาน น้ำมันปลาจากปลาทะเล
- ผู้ที่แพ้สารกลูเตน ก็ไม่ควรทาน โปรตีนจากข้าวสาลี (ออลแพลนท์)
- ผู้ที่แพ้ถั่ว, ถั่วเหลือง ก็ไม่ควรทาน โปรตีนจากถั่วเหลือง
- หรือ ผู้ที่แพ้สารอาหารอื่นๆในผลิตภัณฑ์ใด ก็ไม่ควรทานชนิดนั้นๆ
3) ในกรณีสารอาหารกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่สารอาหารพื้นฐาน อาทิ กลุ่มสมุนไพรต่างๆ เช่น พริมโรส, ตังกุย, โสมไซบีเรีย, ใบแปะก๊วย เป็นต้น หญิงตั้งครรภ์ยังไม่ควรรับประทานสารอาหารกลุ่มนี้ (ในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ ตลอดไปจนกระทั้งช่วงให้น้ำนมกับบุตร) เพื่อความปลอดภัยของทารก
รวมถึง กลุ่มสารสกัดจากพืช "ไฟโตนิวเทรียนท์" (วิตามิน,เกลือแร่,ไฟโตนิวเทรียนท์, ผักและผลไม้รวมฯ) เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้ ส่วนประกอบของพืช"สมุนไพร"อยู่หลายชนิด ซึ่งในช่วงตั้งครรภ์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ก็เลยยังไม่แนะนำให้ทาน สารสกัดจากพืช (ไฟโตนิวเทรียนท์ในกลุ่มสมุนไพร) เพราะเราไม่รู้ว่าในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะเซ้นท์ซิทีฟกับสมุนไพรชนิดใดหรือไม่ และ ผลิตภัณฑ์บางชนิดเช่น ผักและผลไม้รวมฯ ก็อาจมีคาเฟอีนอยู่เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารสกัดจากชาเขียวจึงควรระมัดระวัง
4) หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง "คาเฟอีน" จากอาหารและเครื่องดื่ม
- จึงควรเลี่ยง โปรตีนชาเขียว เพราะ มีคาเฟอีนจากชาเขียว หากต้องการเสริมโปรตีน แนะนำเป็นโปรตีนรสชาติอื่นๆ แทนรสชาเขียว
5) กรณีทานกรดไขมันโอเมก้า-3 แนะนำว่า ก่อนกำหนดคลอดประมาณ 1-2 เดือน ควรหยุดทาน "น้ำมันปลา" ชั่วคราวก่อน เพื่อให้ร่างกายสามารถสร้างลิ่มเลือดได้เป็นปกติ เนื่องจากกรดไขมันโอเมก้า-3 ออกฤทธิ์ลดการเกิดลิ่มเลือด อาจทำให้เลือดออกมากกว่าปกติขณะคลอด
6) เนื่องจากร่างกายของหญิงตั้งครรภ์ ต้องการพลังงานสูงกว่าภาวะปกติ เพราะต้องมีการปรับตัวในการสร้างเซลล์และเนื้อเยื้อต่างๆสูง เพื่อรองรับการตั้งครรภ์ที่มีคุณภาพ ดังนั้น ในช่วงนี้จึงไม่แนะนำการเข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก หรือ ถ้าหากอยู่ในระหว่างการลดน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ แต่มารู้ภายหลังว่าตั้งครรภ์ ก็ควรหยุดการเข้าโปรแกรมลดน้ำหนักไปก่อน
อาหารคนท้อง เมื่อตั้งครรภ์บำรุงอย่างไรจึงจะเหมาะสม อาหารบำรุงคนท้องมีความสำคัญอย่างมากต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้นเพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยและสุขภาพที่ดีของคุณแม่
- ร่างกายของหญิงตั้งครรภ์ ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนตั้งครรภ์ วันละ 500 kcal. (อ่านหมายเหตุ 5)
- โดยสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับ ต้องเป็นสารอาหารที่ดี จึงควรทานอาหารให้ครบหมู่ อาทิ
- โปรตีน ควรเป็นโปรตีนที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ เต้าหู้ หรือ โปรตีน(คุณภาพ)จากพืช อาทิ โปรตีนจากถั่วเหลือง ข้าวสาลี ถั่วต่างๆ ฯลฯ ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์นั้น ร่างกายของหญิงตั้งครรภ์ต้องการโปรตีนในปริมาณมากกว่าคนปกติ Thai RDI แนะนำไว้ว่า หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับโปรตีน 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และ เพิ่มไปอีก 25 กรัม ต่อวัน
- คาร์โบไฮเดรต ควรเป็นคาร์โบไฮเดรต(เชิงซ้อน) ที่ให้ดัชนีน้ำตาลต่ำ แต่ให้พลังงานสูง เช่น ข้าวกล้อง หรือ ขนมปังโฮลวีท
- ควรทานผักผลไม้ ที่หวานน้อย(มีน้ำตาลต่ำ) แต่ให้ใยอาหารสูง เพื่อทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ เนื่องจากผู้หญิงที่มีครรภ์มักจะมีปัญหาท้องผูกบ่อยๆ
- ทานไขมันที่ดี เช่น กรดไขมันโอเมก้า-3(DHA) อาทิ น้ำมันจากปลาทะเล
- ทานไขมัน ให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม ได้แก่
กรดไขมันโอเมก้า-6 ต่อ กรดไขมันโอเมก้า-3 ในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 หมายถึง ทานอาหารทอดๆ,เมนูผัด ไม่ให้มากเกินไป และ ควรทานกลุ่มไขมันจากปลาทะเล ซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 ให้มากขึ้น
- กรดไขมันโอเมก้า-6 มักพบใน น้ำมันพืชทั่วๆไป มักพบในเมนูอาหารทอด และ ผัด จึงไม่ควรทานเมนูเหล่านี้ให้มากเกินไป
- กรดไขมันโอเมก้า-3 มักพบในสัตว์ทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ฯลฯ หรือ น้ำมันจากปลาทะเล
- หากต้องการ ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มเติมจากมื้ออาหารปกติ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกร(ประจำช็อป)ด้วย เนื่องจากร่างกายของหญิงขณะตั้งครรภ์แต่ละคนอาจมีความแตกต่างกันในเรื่องภาวะแทรกซ้อน หรือ โรคประจำตัวต่างๆ
สรุป ...
สารอาหารที่จำเป็น สำหรับร่างกายหญิงตั้งครรภ์ได้แก่
> โปรตีน / บทบาท ช่วยเสริมสร้างซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื้อต่างๆของร่างกายแม่และบุตรในครรภ์ ( อ่าน หมายเหตุ 1 และ 3
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย โปรตีน ได้แก่
- เนื้อสัตว์ น้ำนม ไข่ กลุ่มนี้ อาจมีไขมันคอเลสเตอรอล และ ไขมันประเภทอิ่มตัวสูง จึงไม่ควรทานมากเกินไป
- โปรตีนจากถั่วเหลือง โปรตีนจากข้าวสาลี และ ถั่วพี กลุ่มนี้ ไม่มีไขมันคอเลสเตอรอล และ ไม่มีไขมันประเภทอิ่มตัว แนะนำให้ทานหลากหลายเพื่อจะได้กรดอะมิโนที่ครบถ้วน
> วิตามินบี (ต่างๆ) / บทบาทช่วยส่งเสริมระบบการเผาผลาญสารอาหารให้สมบูรณ์ , เสริมสร้างความแข็งแรงให้เม็ดเลือดแดง, ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท, โดยเฉพาะ โฟเลต(วิตามินบี9) จะช่วยป้องกันทารกเกิดความผิดปกติ(ปากแหว่างเพดานโหว่)
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินบี ได้แก่
- เนื้อสัตว์ ไข่แดง กลุ่มนี้ อาจมีไขมันคอเลสเตอรอล และ ไขมันประเภทอิ่มตัวสูง จึงไม่ควรทานมากเกินไป
- ผลิตภัณฑ์จาก ยีสต์สกัด กลุ่มนี้ ไม่มีไขมันคอเลสเตอรอล
> วิตามิน ซี / เพิ่มภูมิต้านทานโรคหวัด,เสริมสร้างคอลลาเจน,ต้านอนุมูลอิสระ
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินซี ได้แก่ พืชผัก(สด) และ ผลไม้ชนิดต่างๆ เช่น อะเซโรลา เชอร์รี่, ฝรั่ง, เสาวรส, สับปะรด, ผลมะม่วงหิมพานต์, ผลซีบัคทอร์น
> ธาตุเหล็ก และ โฟเลต / เสริมสร้างเม็ดเลือดแดง,เสริมสร้างระบบประสาทของทารก ลดความเสี่ยงทารกเกิดความผิดปกติ(ปากแหว่งเพดานโหว่)
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย ธาตุเหล็ก และ โฟเลต ได้แก่
- เนื้อสัตว์,ตับ กลุ่มนี้ อาจมีไขมันคอเลสเตอรอล จึงไม่ควรทานมากเกินไป
- พืชผัก ใบสีเขียวเข้ม เช่น ผักโขม(สปิแนช), ผักตำลึง ฯลฯ กลุ่มนี้ ไม่มีไขมันคอเลสเตอรอล
> แคลเซียม,แมกนีเซียม,วิตามินดี / เสริมสร้างมวลกระดูกและฟัน
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย แคลเซียม ได้แก่ น้ำนม, ปลาตัวเล็กตัวน้อย, ปลากระป๋อง, กะปิ, ผักใบสีเขียวเข้ม เป็นต้น
> กรดไขมันโอเมก้า 3 (DHA จากน้ำมันปลาทะเล) / เสริมสร้างเซลล์สมองและระบบประสาท (อ่าน หมายเหตุ 1 และ 4)
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย กรดไขมันโอเมก้า-3 ได้แก่ ไขมันจากปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า ฯลฯ
> ไฟเบอร์(ใยอาหาร) / ดูแลสุขภาพระบบทางเดินอาหาร,ลดอาการท้องผูก
- แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย ไฟเบอร์ ได้แก่ พืชผักและผลไม้นานาชนิด
หมายเหตุ :
1) กรณีหญิงตั้งครรภ์มีโรคประจำตัวแฝงอยู่ไม่ว่าโรคใดๆ อาทิ เบาหวาน ฯลฯ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทานผลิตภัณฑ์ใดๆ
2) ทั้งนี้ ควรพิจารณาด้วยว่าร่างกายของหญิงตั้งครรภ์นั้น มีการแพ้สารอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ หากแพ้สารอาหารนั้นๆก็ไม่ควรทาน เช่น หากหญิงตั้งครรภ์ ...
- ผู้ที่แพ้อาหารทะเล ก็ไม่ควรทาน น้ำมันปลาจากปลาทะเล
- ผู้ที่แพ้สารกลูเตน ก็ไม่ควรทาน โปรตีนจากข้าวสาลี (ออลแพลนท์)
- ผู้ที่แพ้ถั่ว, ถั่วเหลือง ก็ไม่ควรทาน โปรตีนจากถั่วเหลือง
- หรือ ผู้ที่แพ้สารอาหารอื่นๆในผลิตภัณฑ์ใด ก็ไม่ควรทานชนิดนั้นๆ
3) ในกรณีสารอาหารกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่สารอาหารพื้นฐาน อาทิ กลุ่มสมุนไพรต่างๆ เช่น พริมโรส, ตังกุย, โสมไซบีเรีย, ใบแปะก๊วย เป็นต้น หญิงตั้งครรภ์ยังไม่ควรรับประทานสารอาหารกลุ่มนี้ (ในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ ตลอดไปจนกระทั้งช่วงให้น้ำนมกับบุตร) เพื่อความปลอดภัยของทารก
รวมถึง กลุ่มสารสกัดจากพืช "ไฟโตนิวเทรียนท์" (วิตามิน,เกลือแร่,ไฟโตนิวเทรียนท์, ผักและผลไม้รวมฯ) เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้ ส่วนประกอบของพืช"สมุนไพร"อยู่หลายชนิด ซึ่งในช่วงตั้งครรภ์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ก็เลยยังไม่แนะนำให้ทาน สารสกัดจากพืช (ไฟโตนิวเทรียนท์ในกลุ่มสมุนไพร) เพราะเราไม่รู้ว่าในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะเซ้นท์ซิทีฟกับสมุนไพรชนิดใดหรือไม่ และ ผลิตภัณฑ์บางชนิดเช่น ผักและผลไม้รวมฯ ก็อาจมีคาเฟอีนอยู่เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารสกัดจากชาเขียวจึงควรระมัดระวัง
4) หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง "คาเฟอีน" จากอาหารและเครื่องดื่ม
- จึงควรเลี่ยง โปรตีนชาเขียว เพราะ มีคาเฟอีนจากชาเขียว หากต้องการเสริมโปรตีน แนะนำเป็นโปรตีนรสชาติอื่นๆ แทนรสชาเขียว
5) กรณีทานกรดไขมันโอเมก้า-3 แนะนำว่า ก่อนกำหนดคลอดประมาณ 1-2 เดือน ควรหยุดทาน "น้ำมันปลา" ชั่วคราวก่อน เพื่อให้ร่างกายสามารถสร้างลิ่มเลือดได้เป็นปกติ เนื่องจากกรดไขมันโอเมก้า-3 ออกฤทธิ์ลดการเกิดลิ่มเลือด อาจทำให้เลือดออกมากกว่าปกติขณะคลอด
6) เนื่องจากร่างกายของหญิงตั้งครรภ์ ต้องการพลังงานสูงกว่าภาวะปกติ เพราะต้องมีการปรับตัวในการสร้างเซลล์และเนื้อเยื้อต่างๆสูง เพื่อรองรับการตั้งครรภ์ที่มีคุณภาพ ดังนั้น ในช่วงนี้จึงไม่แนะนำการเข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก หรือ ถ้าหากอยู่ในระหว่างการลดน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ แต่มารู้ภายหลังว่าตั้งครรภ์ ก็ควรหยุดการเข้าโปรแกรมลดน้ำหนักไปก่อน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น