ดูแลผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินด้วยสารอาหาร
โรคสะเก็ดเงินควรอยู่ในการดูแลของหมอ
หมอมีหน้ารักษาตามวิชาชีพที่หมอเรียนมา ส่วนเราสามารถช่วหมออีกแรงคือ ดูแลเรื่องอาหารให้ได้สารอาหารครบ 5 หมู่ตามที่หมอแนะนำ
โรคสะเก็ดเงิน คืออะไร?
- โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบบ่อยชนิดหนึ่งมีชื่อภาษาอังกฤษว่า “Psoriasis” โรคนี้เกิดจากเหตุปัจจัยหลายปัจจัยประกอบกัน ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงสาเหตุเดียว ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค สารเคมีที่เป็นพิษต่อผิวหนังโดยตรงแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากพันธุกรรมหรือยีนที่ผิดปกติหลายชนิด ร่วมกับ ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกร่างกายที่ไม่เหมาะสมมากระตุ้นให้โรคปรากฏขึ้น
- อาการผื่นผิวหนังเป็นได้หลายรูปแบบ ที่พบบ่อย คือ ผิวหนังอักเสบเป็นปื้นแดง ลอกเป็นขุย เป็นๆ หายๆ ผู้ป่วยบางรายเป็นเฉียบพลันแล้วผื่นก็หายไป บางรายเป็นผื่นผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ความผิดปกติอื่นๆที่อาจพบได้ คือ ความผิดปกติที่เล็บ ข้ออักเสบ เป็นต้น
(ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.si.mahidol.ac.th/project/psoria/psoriasis.htm)
- ในคนปกตินั้น เซลล์ผิวหนังในชั้นหนังกำพร้าจะมีการงอกใหม่จากชั้นใต้ผิวหนังขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวหนังบนชั้นนอกสุดที่แก่ตัวตายและหลุดออกไปเป็นวัฏจักร โดยเซลล์ผิวหนังที่งอกใหม่จะใช้เวลาเคลื่อนตัวจากชั้นใต้ผิวหนังขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุดประมาณ 26 วัน แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินนี้ บริเวณรอยโรคจะมีการแบ่งตัวหรือการงอกของเซลล์ผิวหนังใหม่เร็วกว่าปกติ และใช้เวลาเคลื่อนตัวจากชั้นใต้ผิวหนังขึ้นมาชั้นนอกสุดของผิวหนังเพียงประมาณแค่ 4 วัน ทำให้เซลล์ผิวหนังที่แก่ตัวหลุดออกในอัตราความเร็วที่ไม่ทันกับการงอกของเซลล์ใหม่ จึงทำให้เกิดการหนาตัวของผิวหนังกลายเป็นตุ่มหรือปื้น และมีเกล็ดสีเงินปกคลุมซึ่งหลุดลอกออกง่าย
มีการสันนิษฐานว่าความผิดปกติดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับความแปรปรวนของระบบภูมิคุ้มกัน กล่าวคือ ลิมโฟไซต์ ชนิด T cells (ปกติจะทำหน้าที่ในการต่อสู้กับเชื้อโรค) ถูกกระตุ้นให้ทำงานมากเกินไป เมื่อเคลื่อนตัวมาที่ชั้นใต้ผิวหนัง ก็จะทำงานร่วมกับสารอื่น ๆ กระตุ้นให้เซลล์หนังกำพร้าเกิดการแบ่งตัวและเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วผิดปกติ และก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนังทั้งในชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ (ข้อมูลจาก ; https://medthai.com/โรคสะเก็ดเงิน/)
- สรุปสั้นๆ คือ โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง เมื่อมีอาการผิวหนังจะอักเสบ จะเป็นช่วงผิวแห้ง โดดแดดหรือลมมากๆ ก็จะมีอาการง่ายขึ้น โรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรม ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าเป็นมาเกิดมาจากอะไร และเป็นโรคที่ไม่หายขาดครับ จะเป็นๆหายๆ ต้องดูแลตามอาการของโรค
วิธีการดูแล
1) พยายามอย่าให้ผิวแห้ง ควรทาโลชั่นหลังจากอาบน้ำเสร็จ (โลชั่นบอดี้ซีรี่ส์ หรือ อาลาโน่ ) เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ
2) การดูแลด้านโภชนาการ แนะนำให้กินอาหารให้ครบหมู่ เน้นอาหารที่อุดมไปด้วย ...
2.1 กรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น ปลาทะเลต่างๆให้บ่อยขึ้น หรือ เสริมกรดไขมันโอเมก้า-3 (DHA+EPA) น้ำมันปลา วันละ 1,000 มก.เพื่อช่วยต้านการอักเสบ / กรดไขมันโอเมก้า-3 ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบอาจช่วยลดการอักเสบที่ผิวหนังได้(มีงานวิจัย) แต่ควรทานอย่างสม่ำเสมอ เพราะโรคนี้เป็นแล้วไม่หายขาด
2.2 โปรตีน(คุณภาพ) : มีบทบาทเสริมสร้างซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื้อส่วนที่สึกหรอ
2.3 วิตามินบี(รวม) : มีบทบาทในการช่วยเผาผลาญสารอาหารและเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวพรรณ
2.4 วิตามินซี : มีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระ และ ต้านการอักเสบ
2.5 ดื่มน้ำให้เพียงพอ : เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ
3) ใช้ครีมซึ่งสกัดมาจากว่านหางจระเข้ ทาบริเวณที่ผิวหนัง อาจช่วยลดการอักเสบได้ (ครีมหาซื้อได้ที่ร้านขององค์การเภสัชกรรม)
4) ไม่ควรออกไปตากแดด,ตากลมนานๆ เพราะผิวจะแห้งและแพ้ง่าย
5) เมื่อเกิดอาการผิวอักเสบอย่างมากหรือรุนแรง ควรพบแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์แนะนำ เช่น รับประทานยา หรือ ทายาที่แพทย์สั่งเพื่อลดอาการอักเสบของผิวหนัง
หมายเหตุ : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ใช่ยารักษาโรค จึงไม่สามารถอ้างอิงได้ว่านำมาใช้ในการ บำบัด บรรเทา ป้องกัน หรือ รักษาโรค
"โรคสะเก็ดเงิน ถือเป็นโรคหนึ่งที่ส่งผลกระทบในด้านการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยและคนทั่วไป อาจยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้อย่างชัดเจน จนมองว่าเป็นโรค"
หมอมีหน้ารักษาตามวิชาชีพที่หมอเรียนมา ส่วนเราสามารถช่วหมออีกแรงคือ ดูแลเรื่องอาหารให้ได้สารอาหารครบ 5 หมู่ตามที่หมอแนะนำ
โรคสะเก็ดเงิน คืออะไร?
- โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบบ่อยชนิดหนึ่งมีชื่อภาษาอังกฤษว่า “Psoriasis” โรคนี้เกิดจากเหตุปัจจัยหลายปัจจัยประกอบกัน ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงสาเหตุเดียว ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค สารเคมีที่เป็นพิษต่อผิวหนังโดยตรงแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากพันธุกรรมหรือยีนที่ผิดปกติหลายชนิด ร่วมกับ ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกร่างกายที่ไม่เหมาะสมมากระตุ้นให้โรคปรากฏขึ้น
- อาการผื่นผิวหนังเป็นได้หลายรูปแบบ ที่พบบ่อย คือ ผิวหนังอักเสบเป็นปื้นแดง ลอกเป็นขุย เป็นๆ หายๆ ผู้ป่วยบางรายเป็นเฉียบพลันแล้วผื่นก็หายไป บางรายเป็นผื่นผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ความผิดปกติอื่นๆที่อาจพบได้ คือ ความผิดปกติที่เล็บ ข้ออักเสบ เป็นต้น
(ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.si.mahidol.ac.th/project/psoria/psoriasis.htm)
มีการสันนิษฐานว่าความผิดปกติดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับความแปรปรวนของระบบภูมิคุ้มกัน กล่าวคือ ลิมโฟไซต์ ชนิด T cells (ปกติจะทำหน้าที่ในการต่อสู้กับเชื้อโรค) ถูกกระตุ้นให้ทำงานมากเกินไป เมื่อเคลื่อนตัวมาที่ชั้นใต้ผิวหนัง ก็จะทำงานร่วมกับสารอื่น ๆ กระตุ้นให้เซลล์หนังกำพร้าเกิดการแบ่งตัวและเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วผิดปกติ และก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนังทั้งในชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ (ข้อมูลจาก ; https://medthai.com/โรคสะเก็ดเงิน/)
- สรุปสั้นๆ คือ โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง เมื่อมีอาการผิวหนังจะอักเสบ จะเป็นช่วงผิวแห้ง โดดแดดหรือลมมากๆ ก็จะมีอาการง่ายขึ้น โรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรม ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าเป็นมาเกิดมาจากอะไร และเป็นโรคที่ไม่หายขาดครับ จะเป็นๆหายๆ ต้องดูแลตามอาการของโรค
วิธีการดูแล
1) พยายามอย่าให้ผิวแห้ง ควรทาโลชั่นหลังจากอาบน้ำเสร็จ (โลชั่นบอดี้ซีรี่ส์ หรือ อาลาโน่ ) เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ
2) การดูแลด้านโภชนาการ แนะนำให้กินอาหารให้ครบหมู่ เน้นอาหารที่อุดมไปด้วย ...
2.1 กรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น ปลาทะเลต่างๆให้บ่อยขึ้น หรือ เสริมกรดไขมันโอเมก้า-3 (DHA+EPA) น้ำมันปลา วันละ 1,000 มก.เพื่อช่วยต้านการอักเสบ / กรดไขมันโอเมก้า-3 ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบอาจช่วยลดการอักเสบที่ผิวหนังได้(มีงานวิจัย) แต่ควรทานอย่างสม่ำเสมอ เพราะโรคนี้เป็นแล้วไม่หายขาด
2.2 โปรตีน(คุณภาพ) : มีบทบาทเสริมสร้างซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื้อส่วนที่สึกหรอ
2.3 วิตามินบี(รวม) : มีบทบาทในการช่วยเผาผลาญสารอาหารและเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวพรรณ
2.4 วิตามินซี : มีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระ และ ต้านการอักเสบ
2.5 ดื่มน้ำให้เพียงพอ : เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ
3) ใช้ครีมซึ่งสกัดมาจากว่านหางจระเข้ ทาบริเวณที่ผิวหนัง อาจช่วยลดการอักเสบได้ (ครีมหาซื้อได้ที่ร้านขององค์การเภสัชกรรม)
4) ไม่ควรออกไปตากแดด,ตากลมนานๆ เพราะผิวจะแห้งและแพ้ง่าย
5) เมื่อเกิดอาการผิวอักเสบอย่างมากหรือรุนแรง ควรพบแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์แนะนำ เช่น รับประทานยา หรือ ทายาที่แพทย์สั่งเพื่อลดอาการอักเสบของผิวหนัง
หมายเหตุ : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ใช่ยารักษาโรค จึงไม่สามารถอ้างอิงได้ว่านำมาใช้ในการ บำบัด บรรเทา ป้องกัน หรือ รักษาโรค
"โรคสะเก็ดเงิน ถือเป็นโรคหนึ่งที่ส่งผลกระทบในด้านการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยและคนทั่วไป อาจยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้อย่างชัดเจน จนมองว่าเป็นโรค"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น